ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นบริษัทอสังหาที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตสูงที่สุดในวงการ โดยจากปีที่แล้วมีรายได้ 3200 ล้านบาท ตั้งเป้าจะโตเป็น 9000 เกือบ 3 เท่าตัว ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงตามจาก 8 บาทมาอยู่ที่ 20 บาท หรือคิดเป็น 250% ภายใน 1 ปีเลยทีเดียว ใครถือหุ้นนี้ตอนต้นปีนี้ยิ้มกันเลย

รายได้ของบริษัท

รายได้ใน Q2 ที่ผ่านมาก็ทำได้สวยงาม ใน Q2 ปี 2016 รายได้อยู่ที่ 488.9 ล้านบาทปรับตัวขึ้นเป็น 1176.4 ล้านบาทโตขึ้นมา 140.6% กำไรสุทธิก็โตดีเหมือนกันโดยโตจาก 73.1 ล้านบาทขึ้นมาเป็น 238.7 ล้านบาท ในขณะที่กำไรขั้นต้นก็อยู่ในระดับที่สูงมากประมาณ 46.1% ถ้าไปจัดอันดับในวงการก่อสร้างด้วยกันบริษัท ออริจิ้น จะเป็นที่หนึ่งของวงการเลย เป็นผลมาจากนโยบายการสร้างโครงการระดับสูงเป็นส่วนใหญ่ (Middle to High แบรนด์ Knightsbridge 120,000 -200,000 บาทต่อตารางเมตร ตอนนี้ทำอยู่ 6400 ล้านบาท แบรนด์กลางทำอยู่ 5400 ล้านบาท)

 

รายได้ของบริษัทที่เติบโตมากขนาดนี้มาจากการทำ M&A กับบริษัท Park 24 และการสร้างโครงการขนาดใหญ่ในปีที่ผ่านมา ในปีนี้บริษัทได้ปรับเป้าหมายจากที่ตั้งเอาไว้ 6000 ล้านบาทเปลี่ยนเป็น 9000 ล้านบาท โครงการที่เสร็จแล้วเปลี่ยนจาก 6870 ล้านบาท เป็น 12770 ล้านบาท Backlog จาก12385 ล้านบาทเพิ่มเป็น 25285 ล้านบาท ซึ่งสามารถมองได้ว่ารายได้ในปีนี้เขาคงทำได้ตามเป้าแน่นอนและคงทบไปปีหน้าได้สบายๆ ทางบริษัทบอกว่า Backlog ที่มากขนาดนี้สามารถรับประกันรายได้ในปี 2018 ได้ 67% และปี 2019 ได้ประมาณ 50% ของยอดที่ตั้งเอาไว้

 

จุดเด่นของบริษัททางบริษัทเคลมไว้หลายอย่างแต่ทางเรามองว่าจุดเด่นที่สุดของบริษัทนี้ก็คือความกล้าที่จะทำสิ่งที่ใหญ่และเลือกทำเลที่ดีส่งผลให้+การตลาดที่ดีทำให้ยอดขายเป็นไปตามเป้า โดยปกติแล้ว การสร้างอสังหาขึ้นมาเยอะๆไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่สำหรับวงการนี้ แต่ว่าการขายให้หมดมักจะเป็นปัญหา แต่บริษัทนี้สร้างออกมาเยอะและขายได้เยอะถือว่าดีใช้ได้

 

โครงการที่กำลังพัฒนาและจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน

โครงการทั้งหมดของบริษัทมีอยู่ทั้งสิ้น 46 โครงการ มีทั้งสิ้น 17689 ยูนิต มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 44708 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น Q1-2 4 โครงการมูลค่า 9450 ล้านบาท Q3 จะมีโครงการใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 4 โครงการมูลค่า 7400 ล้านบาท และใน Q4 จะเปิดโครงการเล็กๆเพิ่มอีก 4 โครงการมูลค่า 1,200 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

โครงการคอนโดที่จะเปิดตัวในช่วง Q3 จะมี

KnightsBridge Prime Onnut มูลค่า 2500 ล้านบาท

KnightsBridge Prime Ratchayothin มูลค่า 1600 ล้านบาท

KnightsBridge Collage – Ramkhamhaeng มูลค่า 2000 ล้านบาท

KnightsBridge Kaset Society มูลค่า 1300 ล้านบาท

 

ในช่วง Q4 จะเป็นบ้านและคอนโด บ้านเป็นบ้านพร้อมอยู่สามารถที่จะโอนใน Q4 ได้เลย

Britania Srinakarin มูลค่า 700 ล้านบาท (บ้าน)

B-loft Condo 3 โครงการ มูลค่า 500 ล้านบาท

 

โครงการ Origin District คอนโด Premium High-rise ขายไปได้ 80% แล้ว Low-rise น่าจะส่งมอบในปีนี้ได้ทั้งหมด

ปีนี้บริษัทก็ยังคงเติบโตสูงเช่นเดิมมีโครงการออกมา 18050 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 59% และตั้งเป้า Pre-Sale 14000 ล้านบาท โตอีก 73% ในส่วนของรายได้บริษัทตั้งเป้าเอาไว้ว่าปี 2017 นี้จะมีรายได้ทั้งสิ้น 9000 ล้านบาท ในปี 2018 จะมีรายได้ 14000 ล้านบาทและในปี 2019 จะมีรายได้ 17500 ล้านบาท ถือว่าเป็นเป้าที่ใหญ่โดนใจนักลงทุนเลย

อนาคตของหุ้น ORI

บริษัทนี้ดูดีทุกอย่างแต่พอไปมองที่ราคาเราจะเห็นว่าหุ้นของบริษัทนี้โตขึ้นมาจาก 8 บาทขึ้นเป็น 20 บาท มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 32,525 ล้านบาท ถ้าเกิดว่าเรามองว่าปีนี้ ทำได้ 9000 ล้านบาทและ อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 20% เช่นเดิม ก็จะออกมาเป็นกำไรในปี 2017 ที่ 1800 ล้านบาท ประมาณ PE 18 เท่า

2017 รายได้ 9000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1800 ล้านบาท PE 18 เท่า

2018 รายได้ 14000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2800 ล้านบาท PE 11.61 เท่า

2019 รายได้ 17500 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3500 ล้านบาท PE 9.3 เท่า

โดยปกติแล้วอุตสาหกรรมนี้คนทั่วไปเขาจะมองว่าอิ่มตัวและไม่ให้ PE สูงเท่าไหร่ PE โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 9-10 เท่าเท่านั้น ราคาหุ้นของ ORI ในปัจจุบันมีการปรับตัวขึ้นไปสูงสอดคล้องกับเป้าที่บริษัทได้ให้เอาไว้ ซึ่งทั้งนี้ก็อยู่ในสมมุติฐานที่ว่าบริษัทสามารถรักษาระดับอัตรากำไรได้ที่ 20% และสามารถทำโครงการใหม่ๆขึ้นมาเติบในส่วนของรายในปี 2018-2019 ได้ตามเป้า