TNP เป็นร้านขายของใช้ทั่วไป-ศูนย์ค้าส่ง ที่ค่อนข้างใหญ่เนื้อที่ 200-300 ตารางเมตร รายได้ 1,322.34 ในปี 2558ขึ้นมาอยู่ที่ 1,456.19 ล้านบาทในปี 2559 เติบโตขึ้น 10% กำไรจาก 39.14 โตเป็น 55.66 ล้านบาท คิดเป็น 42.2%

งบการเงิน บริษัทนี้แข็งแกร่งมากไม่มีหนี้อะไรที่น่ากลุ้มใจเลย วงจรเงินสดไม่ติดลบตามแบบขายเงินสดส่วนหนึ่งน่าจะมาจากศูนย์ค้าส่งที่ให้เครดิตสินค้าแต่ก็ถือว่าดี มีเงินเหลืออีก 120 ล้านก็สามารถขยายสาขาได้อีกประมาณ10 สาขา ถ้ารวมๆกำไรที่ได้ในแต่ละปีก็อีกประมาณ 5 -6 ปีที่เขาสามารถขยายไปได้โดยที่ไม่ต้องกู้เงินอะไรเพิ่ม

เรื่องราวการเติบโตของเขาก็คือ เขาพยายามที่จะขยายสาขา ไปปีละประมาณ 2-3 สาขาไปเรื่อยๆ เงินลงทุนสาขาหนึ่งอยู่ที่ 10-15 ล้านบาท IRR คิดเป็น 20% เน้นลงทุนในย่านชุมชนทางเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง

– Position ในตลาด

เขาตั้ง Position ของตัวเองได้ดีคือ เขาเน้นขายของใช้ทั่วไปที่เซเว่นไม่มี ขายราคาถูก และจับกลุ่มแม่บ้านที่ซื้อของใช้เข้าบ้าน ไม่ขายของกิน การทำอย่างนี้ทำให้เขาย้ายไปเล่นอีก Position หนึ่งซึ่งจะไม่ชนกับเซเว่น (ตั้งคู่กันยังได้) แต่มันจะไปชนกับพวก BigC, Lotus มากกว่า ในตัวเมืองเชียงรายร้านพวก BigC Lotus ส่วนใหญ่จะกระจุกอยู่ในตัวเมืองแต่ว่าธนพิริยะเขาเลือกที่จะตั้งในตัวเมืองบ้างและออกไปที่ในอำเภอต่างๆ เลยหลีกเลี่ยงการแข่งขันไปได้ส่วนนึง แชร์ๆไปได้ แต่ถ้าจะแข่งกันตรงๆก็น่าคิด

Position ของเซเว่นคือ ของกินอร่อย หาซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง (เขาหนีไปส่วนนี้และเขาทำได้ดีส่วนหนึ่งคือมีเครือ CP เป็นบริษัทแม่หนุน)
Position ของ BigC, Lotus คือ ราคาถูก คุ้มค่า

– เรื่องรายได้

รายได้ของเขามาจาก 2 ส่วนก็คือ ศูนย์ค้าส่งและร้านค้าของเขา ศูนย์ค้าส่ง 400 ล้านในปี 2557 ลดลงมาเหลือ 255 ล้าน ในปี 2559 ไม่แน่ใจว่าเกิดจากเรื่องอะไร แต่ปกติค้าส่งกำไรไม่มากเลยไม่ซีเรียสมาก ร้านค้าของเขาก็รายได้ขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหนึ่งก็มาจากจำนวนสาขาที่เปิดเพิ่ม แต่ถ้าเรามองไปที่ SSSG ปรากฏว่าไม่โตอะไรมาก บางทีติดลบ มองคร่าวๆก็ทรงๆเรื่อยๆ ไม่โดดเด่นมาก

-เรื่องของกำไร

ถ้าเรามองดูกำไรจะเห็นว่ามันแปลกๆคือรายได้โต 10% แต่ว่ากำไรโต 40% อัตรากำไรสุทธิ เพิ่มจาก 2.96% เป็น 3.82% ถือว่าเยอะพอสมควร ส่วนนึงจากบริษัทแจ้งมาว่ายอดขายส่งของทางสำนักงานใหญ่ลดลงอัตรากำไรเลยเพิ่ม แต่ส่วนที่ได้เงินเยอะๆจริงๆก็คือ “ค่าสนับสนุนจากผู้ขาย” เกิดจากการทำผลงานดี คนขายของเขาประทับใจเลยให้มาเป็นรางวัล จากที่คาดการณ์ก็คือเป็นเงินหลักสิบล้านบาท ซึ่งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้กำไรกระโดดอย่างมาก ปีหน้าจะได้หรือเปล่าไม่แน่ใจ

-ยอดซื้อต่อบิล-จำนวนบิลต่อสาขา

อันนี้ติดลบ อันนี้เป็นประเด็นว่า TNP กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากภายนอกหรือเปล่า?

ความเห็นส่วนตัว

มองว่าเป็นหุ้นที่ OK แต่ก็ไม่ถึงกับเป็น Super Stock เหมือนเชียงรายยังมีโอกาศอีกมากต่างคนต่างตั้งร้านของตัวเองก็แชร์ๆกันไป Happy แต่ถ้าให้แข่งกันตรงๆกับ BigC, Lotus ก็น่าคิด

ในภาพปัจจุบันก็มองไปที่จำนวนสาขาเป็นหลักว่าโตไปเท่าไหร่ก็วัดออกมาเป็นกำไร ประเมินมูลค่าบริษัท ส่วนค่า ค่าสนับสนุนจากผู้ขาย อันนี้ถือเป็น Bonus (ที่เยอะจริงๆ)

คำแนะนำในการลงทุน : Neutral