DDD เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2010 ก่อตั้งบริษัทที่มีชื่อว่า Do Day Dream ขึ้นมา ในช่วงแรกทำเป็นบริษัท OEM รับจ้างผลิตครีม ต่อมาในปี 2013 ได้ออกสินค้าที่ชื่อว่า Snail White ขึ้นมาปรากฏว่าดังมาก ปีแรกขายได้ 90 ล้านบาทจากการขายผ่านทางช่องทางออนไลน์เท่านั้น หลังจากนั้นก็ได้สร้างและปรับปรุงโรงงาน ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และธุรกิจก็เติบโตมาจนถึงในปัจจุบัน
สินค้าของทาง Snail White
แบ่งออกเป็น 6 หมวดประกอบไปด้วย
– ครีมบำรุงผิวหน้า มีสินค้ามากที่สุดจำนวน 10 สินค้า อันนี้คือรายได้หลักของเขา
– ครีมบำรุงผิวกาย
– ทำความสะอาดผิวหน้า
– ทำความสะอาดผิวกาย
– ครีมกันแดด
– และกิ๊ฟเซ็ท
สัดส่วนยอดขายแยกตามรายสินค้า
สัดส่วนสินค้าที่จำหน่ายในปี 2014 นั้น ครีมบำรุงผิวหน้าคิดเป็นรายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 92.5% ที่เหลือเป็นบำรุงผิวกายที่ 3.2% และ อื่นๆประมาณ 4.3%
ในปี 2017 นั้นทางบริษัทได้มีการกระจายการจำหน่ายออกไปโดย ครีมบำรุงผิวหน้ามีสัดส่วนที่ 77% บำรุงผิวกาย 4% โฟมล้างหน้า 4% สบู่เหลวอาบน้ำ 8% กันแดด 4% และอื่นๆอีก 3%
แต่ถ้าเกิดว่าแยกออกมาเป็นตัวเลข จะมีตัวครีมทาหน้าที่มีรายได้แตะ 1,289 ล้านบาทแล้ว และมีอีกตัวหนึ่งที่มาเป็นดาวเด่นของเขาก็คือ ครีมอาบน้ำ ที่มียอดขายแตะ 133 ล้านบาท ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากแคมเปญการตลาดซื้อ 1 แถม 1 ที่เรามักจะเห็นตามในร้าน Boot/Watson ซึ่งทางผู้บริหารแจ้งมาว่ายังคงมีกำไรอยู่ เพราะว่าเราขายที่ราคา Premium Mass ที่ 199 บาทในขณะที่เจ้าอื่นๆ ขายอยู่ที่ประมาณ 120 บาท (กำไรขั้นต้นที่ 60% ตามที่ผู้บริหารบอกมา)
รายได้-ช่องทางการจัดจำหน่าย
รายได้ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2014 โตขึ้นมาจาก 438 ล้านบาท โตขึ้นมาเป็น 956, 1237 และ 1674 ในปี 2017 ที่ผ่านมา หรือคิดเป็นอัตราทบต้นที่ 56% ต่อปี แบ่งเป็นในประเทศจาก 1091 ล้านบาทในปี 2016 เติบโตขึ้นมาเป็น 1161 ล้านบาทในปี 2017 โตประมาณ 6.4% และที่ต่างประเทศโตจาก 146 ล้านบาทขึ้นไปเป็น 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 251%
ช่องทางการจัดจำหน่ายในแต่ละปีดูเมือนจะสวิงหน่อยๆ เพราะว่ามีรายได้ส่วนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมามากคือช่องทางการส่งออกไปที่จีน คิดเป็น 30% ของมูลค่าการขายทั้งหมด (ยอดส่งออก98-99% มาจากที่ประเทศจีน)
และยอดการส่งออกไปที่จีนในปี 2017 มีประเด็นที่น่าสนใจคือ
Q1 2017 มีรายได้ 93 ล้านบาท
Q2 2017 มีรายได้ 201 ล้านบาท
Q3 2017 มีรายได้ 146 ล้านบาท
Q4 2017 มีรายได้ 55 ล้านบาท
จะเห็นว่าตั้งแต่ Q3 ยอดการส่งออกร่วงแปลกๆ ทางผู้บริหารชี้แจงว่าที่ตัวเลขมันลดน้อยอย่างน่ากลัวอันนี้มีหลายปัจจัยคือ
- เมื่อเรามีการออกสินค้าตัวใหม่ขึ้นมาไตรมาสนั้นจะขายดีเพิ่มขึ้นเพราะว่าทางจีนเขาต้องมีการสต๊อกสินค้า ในไตรมาส 2 เขามีการออกสินค้าใหม่มาชื่อว่า Over Night Mask และได้ผู้ซื้อรายใหญ่เพิ่มเข้ามาในไตรมาส 3 ทำให้รายได้จาก Q2-Q3 กระโดดขึ้นมาแปลกๆ
- Q4 ความเป็นจริงแล้วทางผู้บริหารบอกว่าทำได้ดีกว่านี้อีก แต่เรายังไม่ขายออกไป เพราะว่าเรากำลังจะได้ อย จากจีน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะได้ในช่วงปี 2018 ต้นปี เลยชะลอเอาไว้ก่อน ถ้าเกิดว่ามี 2 สินค้าตัวที่มี อย และไม่มี ลูกค้าจะไม่ยอมรับ สู้รอให้เสร็จก่อนแล้วค่อยขายไปทีเดียวดีกว่า Q1-2 น่าจะดีกว่าช่วง Q4 แน่นอน
80% จากการส่งออกเป็นครีมทาหน้า ผู้บริหารตั้งเป้า 650-700 ล้านบาท ในปี 2018 นี้
ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร
ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร ปรังตัวเพิ่มขึ้นในปี 2016 นั้นมีค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาดที่ไม่ได้จ่ายออกไปทำให้ต้องยกยอดมาในปีนี้ ทางบริษัทบอกเพิ่มเติมว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ เช่น LOREAL, AMORE ไม่ได้มากเลย เพราะว่าพวกเขาใช้ SG&A อยู่ถึง 50-60% เลยแต่ว่าของเขาก็อยู่ที่ 35% ในปี 2017 เพิ่มขึ้นมาเป็น 43.2%
จับตาเรื่องประเด็นความคุ้มค่าของการใช้สื่อโฆษณาอย่างใกล้ชิด เพราะ มันสามารถตีความได้หลายสัญญาน
ช่องทางของสื่อที่ได้เลือกใช้ในปี 2017 จะเป็นอย่างนี้
TV 42%
Out of Home 39%
Online 16%
Other 3%
ในปี 2018 นั้นมีแผนว่าจะใช้
TV 45%
Out of Home 25%
Online 30%
อันนี้น่าสนใจ ที่ส่วนของ Out of Home หายไป และไปเทลงที่ออนไลน์
กำไรขั้นต้น-สุทธิ์
กำไรขั้นต้น ไม่มีอะไรแปลงไปมากจาก 69.7 มาเป็น 68.1%
แต่ว่า Ebitda และ Net Profit Margin ลดลงเป็นประเด็น อันนี้เป็นผลมาจากการอัดค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาดมากขึ้น
โอกาสในการเติบโตในอนาคต
- เรื่องของแบรนด์ Snail White
ทางบริษัทได้โชว์ตัวเลขสัดส่วนยอดขายจาก Modern Trade ในแต่ละแบรนด์สินค้า ที่ขายว่ามีสัดส่วนอย่างไรบ้าง อย่างครีมทาหน้า 50 ML โตขึ้นมาจาก 0.3% มาอยู่ที่ 4.5% แบบ Bundle และ แบบเดี่ยวจาก 2.7 ลงมาเหลือ 0.8 ถ้าเกิดว่าบริษัทเพิ่มสินค้าให้มากขึ้นโอกาสในการเพิ่มรายได้ก็มากขึ้น
- การขยายเข้าไปที่ King Power และ 7-11
ส่วนแรก King Power จำหน่ายเข้าไปแล้ว 2 สาขา ในเดือนตุลาคม-ธันวา ปรากฏว่าขายดีใช้ได้ทำให้ทาง King Power อนุญาตให้นำสินค้าตัวอื่นเข้าไปวางจำหน่ายต่อในสาขาอื่นๆ อีกในปี 2018 อัตราส่วน GP ก็พอๆกัน
- การได้ผู้กระจายสินค้ารายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม กระจายไปทาง Traditional trade
ใน 3 ปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้ใช้วิธีการไปหาตัวแทนจำหน่าย 11 คนแล้วได้กระจายสินค้าออกไป 1300 ร้านค้า ซึ่งถือว่าทำได้น้อยมาก ทเรายังมีโอกาสอีกมาก ในตอนนี้เราได้ผู้กระจายสินค้ารายใหม่ที่มีความสามารถมากกว่าเดิมแล้วนั้นก็คือ Sino-Pacific ซึ่งรายนี้สามารถที่จะกระจายสินค้าไปได้อย่างน้อย 10,000 ร้านค้าน่าสนใจเหมือนกันว่าบริษัทแห่งนี้จะทำได้ดีขนาดไหน
- การออกสินค้า Size เล็กแบบซอง
จับกลุ่มคนที่อยากลองหรือไม่มีกำลังการซื้อสูง กลุ่มนี้เป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่มาก และ Top 10 สินค้าที่ขายดีส่วนใหญ่เป็นซอง ทางบริษัทสนใจจะลงไปเล่นในตลาดนี้
- การบุกไปที่ตลาดจีนเพิ่มเติม
แต่ก่อนนั้นทางบริษัทก็มีขายอยู่แล้ว Snail White ก็ขายผ่านทาง Cross Border E-Commerce ทางจีนสร้างมาเพื่อโปรโมทตัวออนไลน์ E-Commerce ให้สินค้าที่ผ่าน FDA ประเทศตัวเองแล้วมาขายได้ แต่ว่าเป็นช่องทางที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว ซึ่งทางจีนจะไม่สนใจและไม่โปรโมทเมื่อไหร่ก็ได้ และที่สำคัญคือไม่สามารถจำหน่ายนสินค้าที่เป็นแพคใหญ่ๆได้ ขายได้แต่ B2C 1-2 ชิ้น มีการจำกัดวงเงินทำให้กระจายไปได้ไม่กว้าง
ทางบริษัทจึงมองไปที่ Main Stream เป็นหลักมากกว่า เลยได้ไปขอ CFDA (อย จีน) ซึ่งจะช่วยให้เรา ขายปลีก-ส่ง และเรายังเข้า Offline Channel ได้ และจะส่งผลดีมากกว่าต่อการจำหน่าย Snail White
- การจำหน่ายสินค้าใน Zhuhai Duty Free
Snail White เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ขายในร้าน Zhuhai Duty Free ซึ่งเป็นช่องทางระหว่างจีนและมาเก้า Traffic วันละ 2 แสนคน และได้ซื้อสื่อโฆษณาได้ด้านหน้าแล้ว
เป้าหมายกำไร
ทางบริษัทมองการเติบโตของรายได้ที่ 30% จาก 1674 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 2176 ล้านบาทในปี 2018 และมั่นใจได้ว่าทำได้แน่นอน, กำไรขั้นต้นเป้าหมาย 68-72%
ความเห็นของเราลงทุนหุ้น
อยากให้วิเคราะห์เรื่องรายจ่ายที่ใช้ในการโฆษณา ว่าใส่ไปทางไหน ได้เงินกลับมาเท่าไหร่ เพราะว่าอันนี้จะเป็นประเด็นเล็กๆที่มีผลยิ่งใหญ่มาก ต่อตัว Business Model