ระดับการพัฒนาของประเทศและหุ้น

ประมาณปีที่แล้วผมได้ไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม ภาพของคนขี่จักรยานทั้งเมืองหายไปกลายเป็นขี่มอเตอร์ไซค์ รถยนต์มีนิดหน่อยแต่ไม่มาก บ้านเมืองเขาดูสะอาดเรียบร้อยดี ไม่ค่อยมีคนอ้วนเท่าไหร่ในประเทศของเขา

บริษัทที่โดดเด่นในตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นพวกเหล็ก, การก่อสร้าง, บ้าน, นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งมันต่างจากประเทศไทยของเราที่กลุ่มที่เราแทบจะไม่แล หุ้นค้าปลีกบ้านเราที่โดดเด่นที่โน้นกลับไม่มี ความแตกต่างทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้มันเกิดขึ้นจาก “ระดับของการพัฒนาประเทศ”

แต่ก่อนคนเวียดนามไม่ค่อยมีเงิน พาหนะที่เขาใช้ก็คือจักรยาน แต่จักรยานก็มีข้อเสียคือมันช้าแถมเหนื่อย เมื่อเขามีเงินเพิ่มมากขึ้นเขาก็ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ แต่ว่ามอเตอร์ไซค์ก็มีข้อเสียอยู่คือ มันร้อนและอันตราย อนาคตเวียดนามจะต้องก้าวเข้าไปสู่รถยนต์แน่นอน นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกเหมือนๆกัน

อุตสาหกรรมเหล็กและการก่อสร้างบูมมากก็เพราะว่าเขากำลังสร้างประเทศหลังจากสงคราม ความต้องการสินค้าพวกนี้เลยมีสูงทำให้กำไรเยอะ หุ้นเหล็กบางตัวมีกำไร 10% กว่าๆตลอดซึ่งฝืนลิขิตฟ้ามาก

เรื่องค้าปลีกที่โน้นที่ไม่บูม ผมลองสังเกตดูอาหารที่ทำสำเร็จอยู่ที่ 30-40 บาท ถ้ากิน 3 มื้อก็ตกวันละ 100 บาท เดือนละ 3000 บาท คนเวียดนามมีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000 บาท (ป.ตรี) ค่าแรงขั้นต่ำประมาณ 2,000-4,000 บาท ซึ่งแน่นอนรายจ่ายครึ่งนึงของเงินเดือนก็ไม่ไหว เขาเลยต้องทำอาหารเองอยู่ที่บ้าน ส่งผลให้หุ่นดีกันทุกคน ในอนาคตเมื่อประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการค้าปลีกถึงจะมา

นี้คือตัวอย่างประเทศเวียดนาม กลับมาที่ประเทศของเรา ถ้าเราอยากมองว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ให้เรามองไปที่ประเทศที่พัฒนาไปก่อนเราเช่น อเมริกา,ญี่ปุ่น จะมีคำตอบและเราสามารถนำไปใช้ในการคาดการณ์อนาคตของประเทศเราได้

– กลุ่มค้าปลีกสินค้าที่ไม่รีบใช้ (ไม่ใช่พวกของกิน-ของใช้ถูกๆ) อนาคตจะเหนื่อยหนัก เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปซื้อแพงกว่า ในเมื่อรอหน่อยก็ได้ถูกกว่าด้วย Homepro?

– กลุ่ม Trading เอาสินค้าจากจีนเข้ามาขาย ไม่มีทางอยู่ได้ ทุกวันนี้ Lazada มีเจ้าของเป็นคนจีน นโยบายเขาชัดเจนว่าเอาสินค้าจีนไปขายทั่วโลก มันเป็นยุคที่โรงงานเจอคนซื้อ ลองสังเกตดู ร้านค้าที่จัดส่งจากต่างประเทศเยอะมากใน Lazada

– กลุ่มการแพทย์ ในไทยนี้รุ่งเรือง แต่ถ้าไปดูที่อเมริกาจะพบว่าหุ้นกลุ่มนี้กำไรบางเฉียบ เหตุผลก็เพราะว่า โรงพยาบาล ต้องไปฟัดแย่งกำไรมาจากบริษัทประกัน-รัฐ เมื่อยักษ์เจอยักษ์มันเลยเป็นอย่างนั้น

– หุ้นประกันชีวิต อันนี้แน่นอนว่าเมื่อคนมีเงินเพิ่มมากขึ้นเขาจะสนใจดูแลตัวเอง น่าเสียดายที่สุดยอดบริษัท SCBLIF ออกจากตลาดไปแล้ว

– หุ้นไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ทุกวันนี้ส่วนตัวมองว่าเขาอยู่ได้ด้วยนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุน แน่นอนว่าการสนับสนุนไม่มีทางอยู่ไปตลอดกาล ในท้ายที่สุดต้องเปิดเสรีทางด้านพลังงาน สิ่งที่น่าคิดก็คือเมื่อมีการเปิดเสรีพลังงานจะเป็นอย่างไร? ในเมื่อต้นทุนการผลิตในตอนนี้เขาสู้ถ่านหิน-แก๊สไม่ได้

– กลุ่มน้ำมัน เราเห็นรางๆแล้วว่ารถไฟฟ้ามา ตอนนี้มันยังติดปัญหาเรื่องความเร็ว, ระยะทางและความคุ้มค่าอยู่ (ก็เกือบทุกด้านนะ ฮา) แต่ว่าในอนาคตมันจะดีขึ้นและมาแข่งได้แน่นอน อาจจะ 5 ปี 10 ปีเราต้องติดตามต่อไป

ปล. ที่เวียดนามคนเวียดนามค่อนข้างเป็นมิตรกับคนไทยมาก เป็นไม่กี่ประเทศที่ไปเที่ยวแล้วได้รับการต้อนรับดีขนาดนี้น่าประทับ