HTECH : บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน)
นั่งฟังบริษัทนี้แล้วก็เข้าใจยากนิดหน่อยเพราะว่าสินค้าของเขาคือเครื่องมือที่ใช้ในการตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) เพื่อรองรับงานด้านอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
นั่งฟังผู้บริหารเขาก็พูดมาว่า สินค้าเขาทำไม่ทันทำกันหัวหมุนหมดแล้วและเขาก็สามารถคิดค้นสินค้าที่มีคุณภาพมากของคนอื่นใช้ได้แค่ 250 ครั้งต้องเปลี่ยนแต่ของเขานี้ใช้ได้ถึง 3,000 ครั้งเลย ส่งผลให้ลูกค้ารักมากและทำให้กำไรโตกระโดดจาก 9% ขึ้นมาอยู่ที่ 16% และคิดว่าจะมากกว่านี้อีกถ้าเกิดว่า BOI ไม่ได้หมด, โรงงานกำลังขยายตัวสั่งซื้อเครื่องจักรอยู่, ตอนนี้ก็ไปทำกิจการที่ต่างประเทศด้วยได้รับการตอบรับดี, ยอดขายโตกระโดด ฟังแล้วก็เออทุกอย่างดีหมด
สิ่งที่น่าสนใจของหุ้นตัวนี้ก็คือการเติบโตของรายได้ที่โตเกือบ 2 เท่าในเวลา 4 ปี ราคาของสินค้าของเขาส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วง 2558-2559 แสดงว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่มีของพอสมควร และเนื่องจากบริษัทนี้เป็นบริษัทโรงงานจึงต้องดูเรื่องอัตราการใช้กำลังการผลิต ปี 2558 นี้กำลังการผลิตเรียกว่าไม่พอ ทำกันหามรุ่งหามค่ำ แต่เขาเลือกที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องกำลังการผลิตไม่พอด้วยการขึ้นราคา (เข้าใจว่ามีสินค้าใหม่ที่ดีพอตัวเลยขึ้นราคาได้) ผลก็คือปริมาณการสั่งซื้อลดลงแต่รายได้และกำไรดีขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี เครื่องจักรส่วนใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานไปอีกสักพัก
แต่สงสัยไหมทั้งๆที่เป็นหุ้นที่ดีแถมยัง Growth อีกแต่ทำไม PE หุ้นไม่แพงมาก ประเด็นของหุ้นตัวนี้ก็คือเขาอยู่ในอุตสาหกรรมที่อาทิตย์ตกดิน รายได้ส่วนใหญ่เขามาจากอุตสาหกรรมการผลิตฮาร์ดดิสแบบธรรมดา (จานแม่เหล็ก) ถึง 54% ซึ่งฮาร์ดดิสแบบนี้มีสินค้าทดแทนคือฮาร์ดดิสแบบ SSD ซึ่งเร็วกว่าหลายเท่า ทนทานกว่าดีกว่าแบบที่ฮาร์ดดิสเทียบไม่ติด แต่ว่าตอนนี้ที่ SSD ยังไม่ตีฮาร์ดดิสแบบธรรมดาจนกระทั้งหายไปก็คือ ราคาต่อความจุของ SSD ยังแพงกว่าแบบธรรมดามาก ผลก็คือคนเขาก็ซื้อทั้งคู่ SSD ก็เอามาใช้ลง Window และใช้เป็นตัวทำงาน อีกตัวก็ใช้เก็บข้อมูล และเรื่องของการที่คนหันไปใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้นปี 2559 อัตราการผลิตฮาร์ดดิสลดลง 8.9%
ความเห็นจากเรา ลงทุนหุ้น : เรามองว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่ดีพอสมควรเลย ผู้บริหาร OK ธุรกิจและสินค้าของเขาก็ OK เหลือแค่เรื่องเดียวก็คือเราต้องภาวนาว่า SSD ไม่ถูกจนแทนกันได้ เท่าที่สังเกตมาหลายปี ราคา SSD ยังไม่ได้ปรับตัวลดลงจนมาแทนได้เราก็คิดว่าคงอยู่ไปได้อีก 3-5 ปีไม่มีปัญหา หลังจากนั้นต้องประเมินกันใหม่เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนไวเหลือเกิน
ปล. เราแนบท้ายราคาขายสินค้าของเขาต่อชิ้นมาให้เพื่อว่าท่านใดจะเอาไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์
ปล2. ตัวนี้นั่งเขียนนานเฮะ