เนื่องจากบริษัท CENTEL (โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)) เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่มาก ประกอบไปด้วยธุรกิจโรงแรมและเครือร้านอาหารขนาดใหญ่ เป็นเจ้าของแบรนด์ที่เรารู้จักกันดีอย่างเช่น KFC, Mister Donut, Auntie Anne เป็นต้น  จึงขอเล่าเรื่องของภาพทางเศรษฐกิจก่อนแล้วจะไปเล่าในเรื่องของธุรกิจของเขาอีกครั้ง

เศรษฐกิจประเทศไทยในช่วงไตรมาส 3

เศรษฐกิจประเทศไทย ถ้าดูจาก GDP จะพบว่าโตจนน่าประหลาดใจ โตมากถึง 4.3% ส่วนใหญ่มาจากด้านการส่งออกและด้านการเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวมาอยู่ที่ 73.9-75 จากเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 72.74.2 ในส่วนนี้ก็ดีขึ้นมาหน่อย การบริโภคภาคเอกชน ไตรมาส 3 อยู่ที่ 3.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 3 หรือพูดแบบสรุปรวมก็ดี การบริโภคในประเทศดีขึ้นมาหน่อย แต่ว่าการส่งออกของไทยโตผิดคาดไปเยอะ ซึ่งการบริโภคที่พื้นตัวนี้เป็นประเด็นที่สำคัญเลย เดี๋ยวจะไปเจอกันอีกทีเมื่อเราพูดถึงเรื่องกลุ่มธุรกิจอาหารของหุ้น CENTEL

กลุ่มธุรกิจโรงแรม

กลุ่มธุรกิจโรงแรมเป็นส่วนที่ทำรายได้ให้กับบริษัท 46% โดยธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ ส่วนที่ทางบริษัทเป็นเจ้าของเองและร่วมลงทุนใน Join Venture และส่วนที่บริษัทรับเป็นผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ทให้ โรงแรมของเขาในตอนนี้มีอยู่ 16 แห่งและมีอยู่ที่ต่างประเทศ 2 แห่งคือที่ประเทศมัลดีฟส์ มีโรงแรมที่อยู่ในสัญญาบริหาร 38 โรงแรมและมีอีก 15 โรงแรมที่กำลังอยู่ภายใต้การพัฒนาอยู่ มีแฟนว่าจะเปิดในช่วงปี 2018-2020 โดยตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น คิวบา,  ลาว, กัมพูชา, จีน, กาตาร์ เป็นต้น

รายได้จากกลุ่มโรงแรม ใน Q3 ทรงๆอยู่ แต่ถ้าเกิดว่ามองทั้งปีจะเห็นว่าลดลง 1.3% สาเหตุเกิดจากโรงแรมที่อยู่ที่มัลดีฟส์ เกิดสภาวะล้นตลาด (โรงแรมมีมากกว่าคนที่มาเที่ยว) ส่งผลให้โรงแรมที่อยู่แถวนั้นเกิดการแข่งขันด้านราคากัน ในตอนแรกทาง CENTEL ไม่ได้ลงไปแข่งอะไรมากแต่ก็ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ไปแข่งด้านราคาด้วยผลคือทำให้รายได้ส่วนนี้ลดลง Revpar ของที่มัลดีฟส์ เมื่อเทียบ 9 เดือน REVPAR ลดลงจาก 16,629 เหลือ 15,394 หายไปประมาณ 7.4% แต่ถ้าเกิดว่าไปมอง Q3 อย่างเดียวลดลง 5.9% เริ่มเห็นสัญญานแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

ในส่วนของกรุงเทพ อัตราการเข้าพักทำได้ดีเหมือนเดิมอยู่ที่ 80% กว่าๆ ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ถ้าหากว่าไปมองที่ราคา เช่น REVPAR จะเห็นว่าปรับตัวขึ้น ในกรุงเทพเพิ่มขึ้นมา 3.2% และในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น 7.2%

นักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียกลับมาดีเหมือนเดิมแล้ว สัดส่วนไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก เอเชีย 38% ยุโรป 30% ออสสเตรเลีย 9% ตะวันออกกลาง 4% ไทย 13% USA 3%

รายได้ไม่โตมากนักแต่ถ้าเกิดว่าไปมองที่กำไรจะเห็นว่าโต 4.1% อันนี้เกิดจากการประหยัดดอกเบี้ยและภาษี (ดอกเบี้ยเปลี่ยนจากหนี้สั้นเป็นหนี้ยาว ดอกได้มาถูกมากอยู่ที่ 2.3% เท่านั้น)

ธุรกิจอาหาร

เป็นเครือร้านอาหารขนาดใหญ่ มี ทั้งหมด 11 แบรนด์ประกอบไปด้วย KFC, Mister Donut, Auntie Anne, Ootoya, Pepper Lunch, Cold Stone, The Terrace, Chabuton, Yoshinoya, Tenya, Katsuya แต่ว่าหลักๆของเขาจะเป็น KFC, Mister Donut, Auntie Anne, Ootoya ซึ่ง 4 แบรนด์ใหญ่นี้ทำรายได้ให้เขามากถึง 87.3% แล้ว ดังนั้นในการวิเคราะห์เราจะพูดถึง 4 แบรนด์ใหญ่นี้เป็นหลักเลย

จำนวนสาขาที่มีทั้งหมดของเขาก็คือ 846 สาขา เพิ่มขึ้นมาจากปีก่อน 40 สาขา  4 แบรนด์ใหญ่ของเขามีสาขาดังนี้ KFC 229, Mister Donut 326, Auntie Anne 145 และ Ootoya 41 4 แบรนด์ใหญ่มีสาขาเพิ่มเข้ามา 33 สาขา

SSSG ของเขา คงที่มาสักพัก เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 0.1% แต่ใน Q3 ที่ผ่านมาเริ่มกลับมาเป็นบวกอยู่ที่ 2% ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นมาจาก 3.2% เป็น 5.8% ในปีนี้

รายได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้นมา 1.7% ไม่หวือหวามาก แต่ที่น่าสนใจมากก็คือกำไรที่เพิ่มเข้ามามากถึง 32.2% ใน Q3 ที่ผ่านมา สาเหตุเกิดขึ้นมาจากการลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพหลักๆคือเกี่ยวกับคน ทำให้กำไรในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจาก 145 เป็น 191 ล้านบาท

อนาคตของ CENTEL

ทางบริษัทมีแผนว่าในปีนี้จะลงทุนเพิ่มอีก 1,700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายละเอียดดังนี้

กลุ่มโรงแรม ลงทุน 760 ล้านบาท

ใช้ในการปรับปรุง 510 ล้านบาท

สร้าง Cosi สมุย 220 ล้านบาท

ต่อเติม Cosi พัทยา 30 ล้านบาท

โรงแรมที่ดูไบน่าจะเสร็จในปี 2020 เป็นโครงการ Joint Venture

Cosi เปิดให้บริการในช่วงเดือนธันวาคม อยู่ที่สมุย มีห้องพัก 151 ห้อง

ประมูลประมูลพื้นศูนย์ราชการได้ ทำเป็นห้องพักได้ 204 ห้อง น่าจะเพิ่ม Top Line 3% เป็นแบบสัญญาเช่า 20 ปี กำลังอยู่ในช่วงการเจรจาสัญญา

2018 คิดว่าโรงแรมทอัตราการเข้าพักเท่าเดิมคือ 81-82% ส่วน Revpar จะโต 3-4%

 

กลุ่มอาหารลงทุน 940 ล้านบาท

ใช้ในการปรับปรุง 215 ล้านบาท

สร้างสาขาใหม่ 635 ล้านบาท

อื่นๆ 90 ล้านบาท

 

ส่วนธุรกิจอาหาร SSSG โต 2-3%

รายได้โต 7-8%

การขยายสาขา 7-8%