CHG ในปีที่แล้วทำผลตอบแทนได้เยี่ยมมาก ราคาต่อหุ้นขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดที่ 3.26 ตอนนี้ราคาลดลงมาอยู่ที่ 2.18 ลดลงไปมากกว่า 33.12% ถึงจังหวะน่าสนใจเข้าซื้อหรือยัง

บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) (CHG) ประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน เริ่มก่อตั้งในปี 2529 มีสาขาของโรงพยาบาลสถานพยาบาลและคลินิกในกลุ่มรวมทั้งหมด 14 แห่ง โดยมีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยรวม 464 เตียง และตามแผนการขยายอาคารโรงพยาบาลทั้ง 5 แห่งของบริษัทจะทำให้บริษัทมีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 705 เตียง ปัจจุบันสามารถรองรับผู้ป่วยนอกมากกว่า 6,000 คนต่อวัน มีเป้าหมายว่าจะเติบโตควบคู่ไปกับการขยายตัวของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก

ถ้าดูรายได้ของบริษัทแล้วนั้น ครึ่งหนึ่งมาจากผู้ป่วยทั่วไปและอีกครึ่งหนึ่งมักจะมาจากประกันสังคม

ใน Q3 ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

Q3 ที่ผ่านมามีกำไร 168 ล้านบาทเพิ่มขึ้นมา 5.1% YOY รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.5% YOY ถ้าเกิดว่าเราไปแยกย่อยที่องค์ประกอบจะพบว่า

รายได้จากผู้ป่วยใน (IPD) อยู่ที่ 297 ล้านบาทเพิ่มขึ้นมา +15.6% YOY

รายได้จากผู้ป่วยนอก (OPD) อยู่ที่ 335 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา +14.3% YOY

รายได้จากผู้ป่วยประกันสังคม อยู่ที่ 352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +5.1% YOY

รายได้จากโครงการ 30 บาท อยู่ที่ 48 ล้านบาท ลดลง -38.5%  เนื่องจากโรงพยาบาลรัฐมีการส่งตัวมาน้อยลง

แต่ว่ารายได้ที่เพิ่มก็ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน ต้นทุนการให้บริการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 699 ล้านบาท (+8.7%) ต้นทุนหลักก็มาจากเรื่องเดิมคือต้นทุนแพทย์และพยาบาลที่สูงขึ้น

จำนวนผู้ป่วยปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากขึ้น จาก 3.95 แสนรายเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.01 แสนราย ดูเหมือนว่าจะดี แต่ถ้าเกิดว่าไปดูโครงสร้างจริงๆจะพบว่ารายได้ที่เพิ่มมาส่วนใหญ่นั้นมาจากการขยายตัวในส่วนของโรงพยาบาลใหม่ของเขาและการปรับเพิ่มรายได้ของประกันสังคม ส่วนโรงพยาบาลเก่าของเขายังคงขยายตัวอย่างช้าๆ

 

อนาคตเขาจะเป็นอย่างไร

ปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มกำไรให้เขาได้ในปีหน้าก็คือ

– การเติบโตของจำนวนผู้ป่วยเงินสด

– การปรับค่ารักษาประกันสังคมที่จะเข้ามาเต็มปีในปี 61

– การขยายโรงพยาบาลของเขา ต้นทุนที่จะเข้ามาของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 ที่จะเข้ามาในช่วง ไตรมาส 2 ปี 61