พอดีได้มีโอกาศมาทำธุรกิจครีมเลยมาเขียนเรื่องนี้หน่อย
Beauty เป็นหนึ่งในหุ้นในดวงใจใครหลายๆคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุน ปี 2013 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 6000 ล้านบาท กระโดดขึ้่นมาเป็น 35,100 ล้านบาท ในปี 2017 เป็นที่เด้งขึ้นมาถึง 6 เท่า อัตราการทำกำไรสูงถึง 25.75% เรียกได้ว่าเยอะกว่าพวกจับเสือมือเปล่าเช่นกลุ่มธนาคารเสียอีก (ประมาณ 15-20%)
ประเด็นที่เราจะพูดถึง ในวันนี้ก็คือ เรื่องต้นทุนของสินค้าและกำไร ของเครื่องสำอาง
สินค้าของ Beauty คือเครื่องสำอาง เครื่องสำอางมีส่วนประกอบส่วนใหญ่คือน้ำ และเสริมด้วย ตัวขึ้นเนื้อ + สารออกฤทธิ์ + ??? + กันเสียและอื่นๆ หลักของของเครื่องสำอางส่วนใหญ่มีเท่านี้ ซึ่งน้ำและสารเคมีส่วนใหญ่ถูกมาก ยิ่งมีน้ำเป็นส่วนผสมมากเท่าไหร่มันก็จะถูกขึ้นเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของการตลาดว่าจะทำอย่างให้ให้คนเชื่อว่าครีมของเราดีและยอมจ่ายในราคาแพง
ในบางครั้งต้นทุนค่ากล่อง + ขวดอาจจะแพงกว่าต้นทุนค่าเนื้อครีมด้วยซ้ำ
โดยปกติเครื่องสำอางกำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 3-8 เท่า ถ้าครีมเจาะตลาดบนได้อาจจะสูงถึง 20 เท่าเลยก็ได้
นี้จึงเป็นเหตุให้ต้นทุนสินค้าของ Beauty ต่ำมาก เขามีกำไรขั้นต้นเป็น 2 เท่าของต้นทุนการขายเลย แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอุตสาหกรรมไหนที่ทำกำไรได้มากขนาดนี้
เพราะฉะนั้นนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเน็ตไอดอลในเน็ต เลือกที่จะขายครีมเป็นหลัก เพราะว่ากำไรมันหลายเท่านั้นเอง
ครั้งหน้าที่แฟนท่านจะเลือกซื้อครีม ทำใจไว้เลยว่า ขวด 1000 บาท ต้นทุนอาจจะไม่ถึง 100 บาท ก็เป็นได้…. (แต่คงบ่นอะไรไม่ได้ เรามีหน้าที่จ่ายเงินก็จ่ายไป 555+)