สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในการทำธุรกิจก็คือ คู่แข่ง การที่มีคู่แข่งเข้ามา มักจะทำให้รายได้หดหายไปและที่แย่ไปกว่านั้นก็คือคู่แข่งมักจะเปิดสงครามราคาด้วยการลดราคาสินค้าลง ทำให้เราต้องลดราคาสินค้าลงตาม ทำให้กำไรน้อยลงไปเรื่อยๆ การที่ไม่มีคู่แข่งเข้ามาหรือเข้ามาได้ยากย่อมดีกว่า กำแพงที่ป้องกันคู่แข่งได้นั้นก็คือ ความสามารถในการแข่งขัยที่ยั่งยืน (Sustainable competitive advantages)
Sustainable competitive advantages ความหมายคือ สินทรัพย์ของบริษัท, คุณสมบัติ หรือ ความสามารถที่ยากแก่การลอกเลียนแบบ และทำให้บริษัทเหนือกว่าบริษัทคู่แข่งในระยะยาว โดยปกติแล้วถ้าธุรกิจไหนที่มี Sustainable Competitive Advantages ที่แข็งแกร่งมักจะมีอัตรากำไรในระยะยาวที่ดีกว่าเสมอ ส่งผลให้ราคาในระยะยาวของบริษัทพวกนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรามาดูชนิดของ Sustainable Competitive Advantages ว่ามีอะไรบ้าง
ชนิดของ Sustainable Competitive Advantages
– ความสามารถในการทำต้นทุนต่ำที่สุด
ความสามารถในการประหยัดจากขนาด (Economies of scale) หรือความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ สามารถนำมาซึ่งต้นทุนที่ต่ำที่สุดได้ ซึ่งการที่สามารถทำต้นทุนต่ำที่สุดจะดึงดูดลูกค้าเข้ามาโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยทำการตลาดมาก ถ้าบริษัทไหนขายของแบบ B2B และมีความสามารถนี้จะโดดเด่นมาก
– แบรนด์ที่แข็งแกร่ง
การสร้างแบรนด์ต้องใช้ทั้งเวลาและต้นทุนมหาศาลแถมยังถูกทำลายได้ง่ายด้วย การมีแบรนรด์ที่แข็งแกร่งมีประโยชน์อย่างมหาศาล และยิ่งจะมีประโยชน์มาก เมื่อสินค้าที่ขายอยู่นั้นเป็นสินค้าที่คนต้องคิดเยอะก่อนซื้อ (มีราคาแพง) เช่นให้เลือก แอร์สักเครื่อง ระหว่าง Mitsubishi และแบรนด์ No name แม้ว่าแบรนด์ No name จะราคาถูกกว่ามาก แต่ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเลือก Mitsubishi เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพที่สร้างมานานและไม่อยากไปเสี่ยงเกิดเสียขึ้นมาละยุ่ง
– สินทรัพย์พิเศษ
เช่น สิทธิ์บัตร, ลิขสิทธิ์, เครื่องหมายการค้า, ที่ดิน หรือสัมปทาน เป็นหนึ่งในกำแพงป้องกันคู่แข่งได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้า เป็นอะไรที่การันตรีรายได้ของบริษัทว่าจะมั่นคงไปอีกยาวนาน
– การลงทุนที่สูง-ธุรกิจอิ่มตัว
ตัวอย่างที่ชัดเจนของเรื่องนี้ก็คือธุรกิจโรงกลั่นในไทย ปัจจุบันกำลังการผลิต เกินกว่าความต้องการใช้ภายในประเทศแล้ว ต้องส่งออกไปขายต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้ราคาเท่าไหร่ ธุรกิจก็ทรงๆ อิ่มตัว แถมการสร้างโรงกลั่นเป็นอะไรที่ใช้ทั้งเงินและเวลามาก ลงทุนเป็นหลักพันล้าน-หมื่นล้าน แถมกว่าจะเดินเครื่องได้ก็ 2-3 ปีกว่าจะเสร็จ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เห็นโรงกลั่นใหม่ๆเกิดขึ้นมากนัก
– สินค้ามีความแตกต่าง
อันนี้เราต้องพิจารณาดีๆว่าสินค้าที่เรากำลังพิจารณาอยู่มีความแตกต่างอย่างเป็นนัยยะไหม ที่ลูกค้าต้องซื้อของเราไม่ต้องไปซื้อของคนอื่น ตัวอย่างของเรื่องนี้ก็คือ Apple ถ้ามองกันตามจริงสเป็กเครื่องก็ไม่ได้หวือหวาอะไร มีแบรนด์ที่ทำได้ดีกว่านี้มาก แถมแพงมากด้วย แต่ว่าแบรนด์นี้มีจุดเด่นก็คือ ระบบ IOS ที่ออกแบบมาอย่างดี เสถียร, ปลอดภัย, ใช้ง่าย, เชื่อถือได้ เป็นปัจจัยที่ทำให้ลูกค้ายังคงเลือกเขาอยู่
– ตัวผู้บริหาร-ทีมบริหาร
ในส่วนนี้จะมองยาก แต่ว่าเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ เราต้องมาดูในเรื่องของความซื่อสัตย์, วิสัยทัศน์และความสามารถในการทำงาน
แล้วทุกท่านละเมื่ออ่านถึงตรงนี้แล้ว หุ้นที่เราถืออยู่มีคุณสมบัติอย่างนี้กี่ข้อ