Beauty บอกว่า Beauty ได้รับรางวัล Social Award จาก Zocial ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดใน Instagram ในแง่ของภาพรวมก็ติด Top 3 ของแบรนด์ทั้งหมด ซึ่งรางวัลนี้จะวัดมาจาก Engagement ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการมีปฏิสัมพันธ์ของลูกค้า, การเติบโต เป็นต้น เจ้าของเขาบอกว่าเขาก็ยังคงมุ่งเน้นด้านการตลาดออนไลน์ต่อไป
ในแง่ของธุรกิจก็ยังคงมีนโยบายเหมือนเดิม นโยบาย Multi Brand, Multi Product, Multi Channels สินค้ามีคุณภาพ, เจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ในปีนี้สร้างแคมเปญ ปลุกปรับเปลี่ยนสำหรับคนในองค์กร เพื่อให้คนในองค์กรสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องของ Culture ในองค์กร
ปีนี้ตั้งเป้าจะเติบโต 20% รายได้ทำไปได้ที่ 1,574 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 472 ล้านบาท รายได้เติบโต 40.9% กำไรเติบโต 76.5% กำไรสุทธิที่ปรับตัวดีเพราะว่ารายจ่ายคงที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก เมื่อรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นมามาก ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่เป็นต้นทุนคงที่ตกลง
ในแง่ของงบดุลก็ดีเหมือนเดิมเป็นบริษัทที่มีเงินสดมากและไม่มีหนี้อะไรที่น่ากังวล D/E ปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ROA, ROE ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก SSSG ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แถวๆ 20%
ช่องทางการขายมาจาก Beauty Buffet 56.61% Beauty Cottage 12% Beauty Market 2.13% Consumer Product 11.31% Ecommerce 2.85% Oversea 13.45% อันนี้ปรับตัวขึ้นมาดีมากจาก 4%
ถ้าแบ่งตามสินค้ารายได้หลักๆมาจาก Skin Care เป็นหลักตามมาด้วย Make Up ถ้าเกิดว่าแยกเป็นภูมิภาค รายได้ 61% มาจากกรุงเทพ ภาคที่เหลือก็แบ่งไปประมาณ 8-10%
ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (capex) ปีนี้วางแผนจะใช้เงินขยายสาขา 110 ล้านบาทและใช้ในการวางโครงสร้างพื้นฐาน 50 ล้านบาท
สิ่งที่ Beauty ทำไป ช่องทางการขายก็เหมือนเดิมคือ 3 แบรนด์ร้านค้าหลักของเขา มี 334 สาขาและ 18 ร้านค้าที่อยู่ที่ต่างประเทศ ส่วนแบรนด์ Made in Nature, Girly Girl ขายตามร้านค้าขนาดใหญ่ E-Commerce และอื่นๆอีกประมาณ 640 สาขา
ปีนี้ตั้งเป้าว่าจะขยายสาขา 50 สาขา Beauty Buffet เปิดใหม่ 5 สาขา มีสินค้าใหม่ ปีละ 100 สินค้า สินค้าหลากหลายมากและขายดี เช่น เจลอาบน้ำ, Eye Shadows, เจลนม ออกสบู่ก้อน
Beauty Cottage เปิดใหม่ 2 ย้ายที่ 6 ตั้งเป้าการออกสินค้าใหม่ 62 สินค้า สินค้าใหม่มีลิปสติก, face care ยอดขายที่เพิ่มขึ้นมากส่วนหนึ่งมาจาก Lip เบอร์ 9 จากที่จีนมาก่อนแล้วค่อยมาที่ไทย
ช่องทางต่างประเทศ ช่องทางนี้เติบโตสูงมากที่สุด 400% คิดเป็นรายได้ 211.8 ล้านบาท รายได้มาจากกลุ่มขายส่ง 89% ช่องทางกระจายสินค้า 9% และร้านเอกเทศประมาณ 2% ภูมิภาคที่ขาย 99.6% มาจากเอเชีย
Consumer Product Chanel ช่องทางนี้ก็เติบโตดี 99% ทำยอดขายได้ 178.1 ล้านบาท ช่องทางการขายหลักของเขามาจาก Modern Trade 64% มีหลากหลายมากเช่น BigC Tesco lotus MaxValue King Power, ร้านสะดวกซื้อ 33% หลักๆคือเซเว่น อื่นๆอีก 3%
E-Commerce ช่องทางนี้เติบโต 81% ครึ่งปีแรกทำรายได้ 44.9 ล้านบาท ขายผ่านทาง Beauty Plaza, Lazada, Shopee และช่องทางออนไลน์ที่ดังๆทั้งหมด
การพัฒนาพนักงาน สอนคอร์สพิธีกรมืออาชีพ, สอนการแต่งหน้า
การตลาดอันนี้เขาบอกว่าทำเยอะมากเช่น Facebook, Blogger, Instagram นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมทางการตลาดมากมาย
———————————————————————————–
ถามตอบ
ถาม : Beauty Cottage ยอดขายไตรมาสหลักๆมาจากลิปสติก แผนการขยายสาขาดู Aggressive แผนการขยายสาขานี้จะยังคงต่อเนื่องไปถึงปีหน้าไหม?
ตอบ : เรามีคนเสนอให้มาเปิดเยอะ แต่ว่าต้องดูเปิดแล้วมีกำไร ที่ยังเปิดเยอะตอนนี้ก็เพราะว่ามองแล้วมีโอกาส ถ้ายังคงมองเห็นโอกาสก็จะเปิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะว่าเขามีเงินและคนอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดว่าในอนาคตมันเปลี่ยนไปก็จะเอามาทบทวนอีกที
ถาม : Same Store Sale มีสาขาที่ติดลบกี่%
ตอบ : มีแต่ไม่ได้มาก เพราะว่าถ้ามีก็คงไม่ดีขนาดนี้ ตัวเลขนี้ความจริง Same Store Sale 20% ไม่เป็นปกติเท่าไหร่ในวงการค้าปลีกแต่จะพยายามรักษาไปเรื่อยๆ
ถาม : รายได้จากฮ่องกง ไต้หวันเยอะมาก แต่ว่ามีกลยุทธ์ใน CLMV ไหม?
ตอบ : ในฮ่องกงไต้หวัน เปิดแบบ Shop in Shop ไปขายใน Shop ตัวเลขจะง่ายและเยอะ แต่ว่าใน CLMV ต้องเปิดของตัวเองหน้าตาเหมือนกับที่ไทย แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอยู่และกำลังดูผล ใน CLMV มีอุปสรรค์เยอะเพราะว่าขอ อย. มีค่าใช้จ่ายสูง การพิจารณา ตัวแทนจำหน่าย ตอนนี้ก็ยังคงเป็น Exclusive เป็นหลักเพราะว่าเขาต้องลงทุนแต่เราจะวัดผลด้านประสิทธิ์ภาพอะไรเขาก่อนอีกที
ถาม : ในตลาดต่างประเทศทาง Beauty มีกลยุทธ์อย่างไรให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของเรา เช่นจีน?
ตอบ : ตั้งหน่วยงาน ออกบูท ใช้ Influencer Agency