สิ่งที่จะได้เห็นในบทความนี้
– ราคาถ่านหินและทิศทางในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรใน 4-10 ปีข้างหน้า
– การทำกำไรของบ้านปูว่าดีขึ้นขนาดไหน
——————————————————————————-
ราคาถ่านหินในปีก่อนอยู่ที่ 60 เหรียญต่อตันเพิ่มขึ้นมาเป็น 98 เหรียญต่อตัน (ล่าสุดขึ้นไปเกิน 100 เหรียญแล้ว) เพิ่มขึ้นมาเกือบ 50% น่าตื่นเต้นเรามาลองดูกันว่าภาพรวมของ (อดีต) หุ้นขวัญใจประชาชนเป็นยังไงกันบ้างและแนวโน้มจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไหม ปี 59 ทั้งปีรายงานกำไร 1,677.12 แต่ว่าใน2ไตรมาสรายงานกำไรไปแล้ว 3,694.55 ล้านบาท ทั้งปีจะเป็นยังไงก็น่าติดตาม
อย่างแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่า ชีวิตของบ้านปูคือถ่านหิน ราคาถ่านหินขึ้นเขารวย ราคาถ่านหินลงเขาทรุด ซึ่งราคาถ่านหินจะถูกกำหนดจากความต้องการซื้อ คนต้องการมากราคาก็ขึ้น คนต้องการน้อยราคาก็ลดลง เรามาจำแนกดูว่าในแต่ละส่วนของโลกเขามีการนำเข้าถ่านหินยังไงกันบ้าง โดยเริ่มต้นจากยุโรป
ผู้ซื้อและนำเข้า
ยุโรปในปี 2016 มีการนำเข้าถ่านหินรวมอยู่ที่ 105 ล้านตัน และคาดการณ์ว่าน่าจะลดลงไปอีก 15 ล้านตัน เหตุผลคือที่ยุโรปโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีพลังงานทดแทนมาก เช่น ลม ความต้องการเลยลดลง
อเมริกา ปกตินำเข้าอยู่ 38 ล้านตันและคาดว่าน่าจะเพิ่มอีก 3 ล้านตัน ไม่เพิ่มมาก
เอเชียตอนใต้ เช่นอินเดีย ปากีสถาน มีการนำเข้าอยู่ที่ 153 ล้านตัน และคาดการณ์ว่าน่าจะโตอีก 7 ล้านตัน แต่ว่าตลาดนี้น่าสนใจมีการนำเข้าถ่านหินสูงเพราะต้องนำเข้าถ่านหินคุณภาพดีเข้าไปผสมเพื่อให้ได้ค่าความร้อนตามที่ต้องการ (ในภูมิภาคส่วนใหญ่เป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ)
เอเชียตอนเหนือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี นำเข้าอยู่ 308 ล้านตันคาดว่าน่าจะเพิ่ม 12 ล้านตัน จากนโยบายการลดใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่ เกาหลีและไต้หวัน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากที่นำเข้าอยู่ 78 ล้านตัน จะเพิ่มขึ้นมา 30 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมาก เหตุผลก็คือที่เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทยจะมีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินมากขึ้น
จีน ตอนนี้นำเข้าอยู่ 170 ล้านตันและคาดการณ์ว่าอนาคตจะลดลง 19 ล้านตัน ที่จีนนี้มีรายละเอียดเยอะหน่อยและมีเรื่องของนโยบายรัฐเยอะมาก
– โดยเริ่มต้นจากจีนมีนโยบายปิดเหมืองถ่านหินที่ไม่มีคุณภาพ (ปล่อยมลพิษเยอะ) อันนี้ดีต่อบ้านปูเพราะว่าตัดคนขายแข่ง
– จีนพยายามจำกัดการนำเข้าถ่านหินลดลงเรื่อยๆ จาก 200 ล้านตันลงมาเหลือที่ 170 ล้านตัน เพราะอยากให้ซื้อในประเทศมากกว่า แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วทำได้ยากเพราะว่าระยะทางไกลทำให้ต้นทุนค่าขนส่งแพงกว่าและการนำเข้ามาคุณภาพถ่านหินที่ดีกว่า
– ทางรัฐบาลจีนมีความพยายามในการควบคุมราคาไม่ให้สูงเกินกว่า 535 RMB ต่อตัน (80 USD) แต่ว่าบางช่วงไปอยู่ที่ 630 RMB ต่อตัน (94 USD)
– ในเรื่องของเหมืองที่ทางการจีนลดจำนวนวันทำเหมือง ตอนนี้ได้ปรับเพิ่มแล้วจาก 270 เพิ่มมาเป็น 330 ต่อวัน แต่ถึงแม้ว่าจะเพิ่มแต่ราคาถ่านหินก็ยังคงเพิ่มเพราะความต้องการสูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง
ฝั่งของผู้ผลิต
หลักๆประเทศผู้ส่งออกจะมีอินโดนีเซียและออสเตรเลีย
ในปีนี้ที่อินโดนีเซียผลิตถ่านหินได้น้อยลงเพราะว่าฝนตกเยอะและในอินโดมีเหมืองขนาดเล็ก 4-10 ปี รวมๆกันแล้วมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 90 ล้านตัน คิดว่าน่าจะหายไปจากตลาด พวกที่มีอายุ 15 ปี ส่วนใหญ่เป็นถ่านหินคุณภาพต่ำต้องเอาของที่มีคุณภาพดีไปผสม (ลงทุนหุ้น : เราก็คิดว่าเขาคงไม่หยุดไปดื้อๆ ก็คงพยายามยื้อกันสุดฤิทธิ์แน่นอน แต่ว่าอาจจะต้องมีการลงทุนที่สูงหน่อย)
ที่ออสเตรเลียทำได้น้อยเพราะว่ามีแรงงานสไตรส์หยุดงาน
ในครึ่งปีหลังเราคงไม่ได้เห็นความต้องการขายถ่านหินล้นตลาดแบบ 4 ปีที่แล้ว
กลยุทธ์ธุรกิจของบ้านปู 1. เพิ่มปริมาณสำรองเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขุดลงไปลึกขึ้น หรือว่าไปซื้อเหมืองข้างเคียง (อาจจะมีต้นทุนที่สูงขึ้น) เน้นถ่านหินที่มีคุณภาพสูง 2. พยายามลดต้นทุน
ตลาดหลักๆที่บริษัทขายอยู่คือเอเชีย เน้นไปที่ตลาดที่ให้ค่าพรีเมี่ยมสูงๆ ปริมาณการขายจะอยู่ที่ 43.3 ล้านตัน หลักๆคือญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย
การทำสัญญาขาย ปรับราคาขายขึ้นแล้วในไตรมาส 2 ในออสเตรเลีย ในอินโดนีเซีย 22-23% ไม่มีการปรับราคาขาย ที่อินโดนีเซีย ขายได้ที่ 70 เหรียญแล้วจากปีก่อนที่ขายได้ 48 เหรียญ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 50% ออสเตรเลียขายที่ 80 เหรียญแล้วปีก่อนขายอยู่ที่ 60 เหรียญ เป็นไปตามแนวโน้มตลาดโลกที่อยู่ที่ 100 เหรียญต่อตันแล้ว
การผลิตทำได้ตามแผนที่ออสเตรเลียผลิตได้ 3.1 ล้านตัน อินโดนีเซียฝนตกหนักมากการผลิตในครึ่งปีแรกต่ำ เนื่องจากราคาขายที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทเลยขุดเหมืองเพิ่มมากขึ้นทำให้ต้นทุนสูงขึ้น มันก็ชดเชยกันไป ยืดปริมาณสำรอง
ความเห็นของเรา : ติดตามดูราคาถ่านหินอย่างใกล้ชิด ถ้าต้องการลงทุนใน Banpu เพราะแม้ว่าทุกอย่างจะออกมาดีในช่วงนี้แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าราคาถ่านหินจะขึ้นหรือลงเมื่อไหร่