บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ Converse แต่เพียงผู้เดียวในไทย โดยได้รับสิทธิ์จากบริษัท Converse Inc. โดยสินค้าที่จัดจำหน่ายมีตั้งแต่ รองเท้า, เสื้อผ้า, หมวก, กระเป๋า และสินค้าอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ Converse ทั้งหมด โดยในปัจจุบันมีช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งหมด 155 แห่ง แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของบริษัท 41 แห่ง และเคาน์เตอร์จำหน่ายในห้าง (Shop in Shop) อีก 114 แห่ง นอกเหนือไปจากนี้แล้วยังได้กระจายสินค้าผ่านทางร้านค้าทั่วไปอีกด้วย
รายได้ของบริษัทถ้าเกิดว่าเราแยกสัดส่วนแล้ว จะเห็นว่ามาจากรองเท้าถึง 76.68% กระเป๋ามีสัดส่วนอยู่ที่ 14.65% เสื้ออยู่ที่ประมาณ 3.74% ที่เหลือ 4.93% เป็นเครื่องประดับและรายได้อื่นๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ของเขาคือกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและวัยทำงานตอนต้น
ช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทก็กระจายตัวดี แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของบริษัทเอง 19.32% ผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 45.59% และลูกค้าขายส่ง 35.09% สัดส่วนค่อนข้างคงที่โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาผ่านทางร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเกิดว่าเรามาลองดูที่งบกำไนขาดทุนก็น่าสนใจเพราะว่ารายได้เขาเติบโตขึ้นทุกปีจาก 811.3 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 1,358.84 ล้านบาทในปี 2559 เพิ่มขึ้นในอัตรา 15.53% เลยทีเดียวในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่าในปี 60 รายได้ตกลงไป 10% จากบริษัทบอกว่าเป็นเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจซึ่งทางเราก็ไม่ซีเรียสอะไรมาก และถ้าเกิดว่าเราลองดูที่อัตรากำไรสุทธิ จะเห็นว่าน่าประทับใจมาก อยู่ที่เกือบ 20% มาตลอด ผลส่วนหนึ่งมาจากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ และความสามารถในการตั้งราคาสินค้าที่สูง
งบดุลถ้าลองดูก็จะพบว่าสวยงามเช่นกัน บริษัทนี้เป็นบริษัทที่แทบไม่มีหนี้เลย มีแต่เงินสด ในแง่ของบริษัทดูคร่าวๆก็สวยงาม โครงสร้างดี กำไรดีทุกอย่าง แล้วคำถามคือเขามาเข้าตลาดเพื่อระดมทุนทำไม?
เงินที่ระดมทุนครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 1,160 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
- ใช้ในการลงทุนขยายสาขาและปรับปรุงสาขาใหม่ 80.5 ล้านบาท
- ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและโครงการในอนาคต 1,037.95 ล้านบาท
ตอนนี้ยังไม่ได้มีโครงการใหญ่ๆอะไรที่เป็นนัยยะสำคัญต่อบริษัท
แผนงานในอนาคตของบริษัทก็คือ ตอนนี้บริษัทได้ทำสัญญากับทางเจ้าของแบรนด์ Pony มาแล้วและทางบริษัทต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงจากที่รายได้เกือบทั้งหมดเป็นแบรนด์ Converse ให้มี Pony 20% ของรายได้รวมโดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมทางบริษัทได้เปิดเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าในห้างของแบรนด์ Pony ไปแล้วทั้งสิ้น 31 แห่ง ต้องการที่จะเปิดให้ได้ 40 แห่งก่อนสิ้นปีนี้ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 2 แสนบาทต่อ 1 สาขา
ความเสี่ยงของบริษัท
อย่างที่เรารู้กันว่ารายได้เกือบทั้งหมดของบริษัท ริช สปอร์ต (RSP) ในตอนนี้มาจากแบรนด์ Converse เป็นหลักซึ่งแบรนด์นี้ได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายมาจากอเมริกา การไม่มีแบรนด์ของตัวเอง
นอกจากนี้ถ้าเกิดว่าเราลองไปดูแหล่งที่มาของสินค้า Converse นั้นยิ่งน่าสนใจกว่า เพราะว่าสัดส่วนที่ผลิตมาจากโรงงาน BNS ของทางบริษัทค่อยๆน้อยลงไปเรื่อยๆ จาก 62.8% เป็น 44.59% ในขณะที่ส่วนของสินค้าที่สั่งมาจาก Converse โดยตรงนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 28.2% เป็น 41.72% ทางบริษัทให้เหตุผลไว้ว่า ปกติแล้ว Converse Inc. นั้น ไม่มีโรงงานผลิตรองเท้าเป็นของตัวเองและจะใช้วิธีว่าจ้างผลิตสินค้าจากโรงงานที่ได้รับการรับรองจากที่อื่นๆทั่วโลก ในสมัยก่อนทางบริษัท ริช สปอร์ต เองก็ตั้งโรงงานผลิตเองและติดตราสินค้าเองได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ทาง Converse มีนโยบายว่าให้ทางตัวแทนจำหน่ายสั่งซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากบริษัทเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้แจ้งว่า “ในปี 2561 บริษัทฯ จะใช้โรงงานของ BNS ในการผลิตรองเท้าภายใต้ตราสินค้า Pony ในขณะที่รองเท้าภายใต้ตราสินค้า Converse ที่บริษัทฯ สั่งผลิตจาก BNS อยู่ในปัจจุบันนั้น บริษัทฯ จะสั่งซื้อจาก Converse ทั้งหมด” ผลจากเรื่องนี้จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 9.5 – 15.5%!!!
ทางผู้บริหารบอกว่าเดี๋ยวจะขึ้นราคาสินค้าและ ใช้สิทธิ์ประโยชน์จากภาษีนำเข้าจากจีน ผลคือกำไรขั้นต้นจะลดแค่ 3.5 – 5.5%
คำถามจากทางเราคือ
1. การขึ้นราคาจะไม่ทำให้ยอดขายลดลงหรือ? ขนาดไม่ปรับราคาในปี 60 ยังเหนื่อย
ยังไงก็ตามเรื่องขึ้นราคาและประโยชน์ทางภาษีมันก็คือการคาดการณ์ไปยังอนาคต ซึ่งยังไม่มีอะไรแน่นอนแต่ว่า การไม่ได้ผลิตเองแล้วกำไรขั้นต้นลดลง 9.5-15.5% คือของจริง
ราคาหุ้นของบริษัท
บริษัท ริช สปอร์ต มีหุ้นทั้งหมด 770 ล้านหุ้น มูลค่าบริษัท (Market Capital) อยู่ที่ 4,466 ล้านบาท
ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 60 อยู่ที่ 0.304 บาทต่อหุ้น
ราคาเปิดตัวหุ้นอยู่ที่ 5.8 บาทต่อหุ้น
คิดเป็น P/E 19 เท่า
คู่เทียบในตลาดหุ้นไทยคงไม่มีในตอนนี้แต่ว่ามีคู่เทียบหนึ่งที่น่าสนใจคือบริษัท Nike ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Converse อีกที P/E อยู่ที่ 24 เท่า และการที่บริษัท Nike มีนโยบายออกมาว่าให้บริษัทตัวแทนจำหน่าย ต้องซื้อสินค้าที่ทางบริษัทเป็นผู้ผลิตเอง แน่นอนว่าผลจากนโยบายนี้จะทำให้กำไรของ Nike ในส่วนของ Converse สวยงามเลยทีเดียว