เมื่อคนในสังคมมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  สุขภาพก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเราต้องการกัน ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเติบโตขึ้นมากในช่วงนี้ เช่น กลุ่มโรงพยาบาล-คลินิก, อาหารเสริม, ฟิตเนส มีหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์บางตัว เขาทำเกี่ยวกับน้ำผลไม้พร้อมดื่ม เรามาดูกันว่าน้ำผลไม้พวกนี้คืออาหารแห่งอนาคตจริงไหม?

น้ำผลไม้ 100% เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมทุกกล่องรสชาติเท่ากันหมดเลย?  ถ้าเกิดว่าคั้นสดๆออกมาจากผล มันควรที่จะมีบางกล่องที่หวาน บางกล่องที่เปรี้ยว ปนๆกันไป สาเหตุที่เป็นอย่างนี้นั้นก็เพราะว่ากรรมวิธีการผลิตของเขา

น้ำผลไม้หลังจากที่เขาคั้นเรียบร้อยแล้ว เขาจะยังไม่เอาลงใส่กล่องทันที แต่ว่าเขาจะเอาน้ำผลไม้นี้ไปต้ม เพื่อเอาน้ำส่วนเกินออก หลังจากที่ต้มแล้วเขาก็จะใส่น้ำตาลและส่วนผสมของเขาลงไป ในขั้นตอนนี้ทำไปเพื่อให้น้ำผลไม้ทุกกล่องมีรสชาติที่เหมือนกัน ผลที่ได้มาจากขั้นตอนนี้ก็คือ หัวน้ำผลไม้ที่ข้นๆเหนียวๆ อารมณ์คล้ายกับเฮลบลูบอย (ทำไปเพื่อให้ขนย้ายสะดวก, เติมแต่งง่าย, เก็บได้นาน, ฆ่าเชื้อ, เติมสารกันเสีย)

ในน้ำผลไม้นั้นมันก็มีวิตามินและเกลือแร่บางตัวนั้นไม่สามารถทนความร้อนจากการต้มได้ ผลก็คือวิตามินพวกนี้ก็จะสลายไป แต่ว่าจุดขายของน้ำผลไม้ก็คือประโยชน์ต่อร่างกาย ทางผู้ผลิตเขาอยากโฆษณาว่าน้ำผลไม้นี้มีวิตามินสูง ในเมื่อวิตามินทั้งหมดหายไปแล้ว เขาก็เลยต้องเอาพวกวิตามินผงต่างๆใส่กลับเข้าไป ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากข้างขวดน้ำผลไม้ ตารางด้านล่างเป็นข้อมูลจาก self.com เป็นการคำนวณวิตามินของส้ม 1 ถ้วย (ประมาณ 180 กรัม) จะเห็นว่ามีวิตามินและเกลือแร่ชนิดต่างๆอยู่มาก แต่ที่ข้างขวดเราจะเห็นว่ามีวิตามินอยู่ไม่กี่ชนิด เช่นถ้าเป็นน้ำส้มก็จะมีแค่วิตามินซีอย่างเดียวโดดขึ้นมา นั้นก็เป็นผลมาจากการเติมวิตามินเข้าไปนั้นเอง

เราคงจะเคยเห็นบางกล่องเขียนติดเอาไว้ว่าน้ำผลไม้ 100%, 50%, 30% ตัวเลขพวกนี้มาจากไหน? ที่มาของตัวเลขพวกนี้ก็คือ สมมุติว่า ตอนที่ระเหยระเหยออกไป 50% เขาก็เติมน้ำกลับมา 50% อย่างนี้น้ำผลไม้ก็จะกลายเป็นน้ำผลไม้ 100% นั้นเอง น้ำผลไม้ 25% นั้นก็หมายความว่ามีหัวเชื้อ 25% และน้ำเปล่าอีก 75% แต่ว่าผลที่เกิดขึ้นจากขั้นตอนนี้ก็คือ เมื่อเติมน้ำเข้าไปเยอะๆ มันจะจาง, ไม่มีกลิ่นและสีไม่สวย อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของสารเคมีแล้วที่จะทำให้สีและกลิ่นกลับมาเป็นน้ำผลไม้เหมือนเดิม ดังนั้นเราจะเห็นข้างขวดเขียนเอาไว้ว่า เจือสีและแต่งกลิ่นสังเคราะห์

เนื่องจากการแต่งรสชาติให้หวาน ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลเยอะมาก ประมาณ 15-20 กรัมต่อ 200 มิลลิลิตร ซึ่งร่างกายเราต้องการวันละ 24 กรัมเท่านั้น ถ้าเทียบแล้วอาจจะพอๆกับน้ำอัดลมเลย

ดังนั้นเราก็สามารถสรุปได้ว่า น้ำผลไม้ขวดทั้งหลาย ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าไหร่และจะทำให้เราอ้วนได้ด้วย การกินส้มธรรมดามีประโยชน์มากกว่าเยอะ ดังนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่า น้ำผลไม้สำเร็จรูปไม่ใช่อาหารสุขภาพแน่นอน